วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2551

[บันทึกการเข้าเรียน วันที่3 ธันวาคม 2551

กระบวนการ-การสร้างบรรยายกาศการเรียน มีลักษณะความร่วมมือกันระหว่างครูและเด็กๆ ตั้งแต่การวางแผน คือ คิด ด้วยกันว่าจะทำอะไร ทำอย่างไร จำเป็นต้องใช้วัสดุอุปกรณ์อะไร จะหาสิ่งที่ต้องการมาได้อย่างไร และใครจะช่วยกันทำหน้าที่ในส่วนใด-การวางแผนจะมีทั้งแผนระยะยาว(Long-range plans) เพื่อเป็นการวางกรอบความคิดกว้างๆ-การวางแผนระยะสั้น(Shorth-range plans) โดยเด็กๆและครูจะสามารถใช้ความคิด พูดคุยกันได้-การฟังและการพูดของเด็กเด็กมีโอกาศได้ยินเสียงแม่พูด แม้ว่าเด็กยังไม่สามารถพูดได้ เด็กเกิดการเรียนรู้ภาษาพูดจากแม่ได้ เพราะการสอนเด็กให้พูดนั้น เด็กจำเป็นต้องได้ยินเสียง ได้ฟังภาษาพูดก่อน ยิ่งได้ฟังมากจะทำให้เด็กเรียนรู้คำศัพท์จากเสียงที่ได้ยินเด็กวัย2-3 ขวบ การพูดของแม่จะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการภาษาที่ดี การสนทนา การซักถามเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างในการส่งเสริมลูกให้มีพัฒนาการทางภาษาที่ดีมากยิ่งขึ้นภาษามีบทบาทในการสื่อความคิด รวมไปถึงจินตนาการ เพื่อตอบสนอง ความต้องการของตนได้ เป็นอย่างดี-การอ่านและการเขียนการอ่านหนังสือให้เด็กฟังทุกวันเป็นสิ่งที่จำเป็นในการให้โอกาศเด็กเรียนรู้ เพื่อพัฒนาภาษาเขียน ขณะที่อ่านควรชี้นิ้วตาม ตัวหนังสือประกอบไปด้วย ทำให้เด็กเรียนรู้กฎเกณฑ์ ทุกขั้นตอน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้เด็กเรียนรู้ที่จะเข้าใจ ในประเด็นในเรื่องที่อ่าน ว่ามีองค์ประกอบอะไรบ้าง(องค์รวม)ครูควรสนทนากับเด็กด้วยภาอย่างง่ายๆด้วยเนื้อหา ที่มีความสัมพันธืกับสิ่งรอบๆตัวเด็ก และครูควรพยายามเชื่อมโยง กับประสบการณ์ของเด็กตลอดเวลา เพื่อให้เห็นประโยชน์และความเกี่ยวพันของภาษากับชีวิตจริง-จึงกล่าวไว้ว่าการเขียนหมายถึง การสื่อสารเมื่อแสดงความคิด ความรู้สึก ออกมาอย่างมีความหมาย-ครูจะต้องตระหนักว่าการฝึกเขียนที่ให้ลอกเลียนแบบ โดยเด็กไม่ได้ใช้ความคิด แต่เป็นการ ฝึกกล้ามเนื้อมือ หรือความสวยงามเท่านั้น ซึ่งแตกต่างกับการเขียนที่ออกมาจากความคิด ภาษาที่ได้จากการฝึกคิด และถ่ายทอดความคิดออกมาเป็น ภาษาสัญลักษณ์ คือ ตัวอักษรอย่างธรรมชาติ จากการฟังมาก ได้อ่านมาก และสามารถถ่ายทอดได้เอง และค่อยมาคำนึงถึงความสวยงาม และความถูกต้องสวยงาม...